5 สิ่งที่ได้รู้จากศึก ONE: IMMORTAL TRIUMPH

หลังจาก วัน แชมเปียนชิพ ประเดิมเปิดสังเวียนที่นครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนามเป็นครั้งแรก เมื่อวันศุกร์ที่ 6 กันยายนที่ผ่านมา มีเรื่องราวสุดประทับใจมากมายให้เราได้พูดถึง

โดยศึก ONE: IMMORTAL TRIUMPH เต็มไปด้วยความสนุกและความตื่นเต้นเร้าใจที่เหล่านักสู้ยอดฝีมือทั้ง 12 คู่ได้นำมาฝากแฟนๆ ในฝูเถาะ อินดอร์ สเตเดียม

และแม้ว่าค่ำคืนแห่งการแข่งขันมวยไทยและคิกบ็อกซิ่งจะสิ้นสุดลง แต่เราได้เรียนรู้เรื่องราวมากมายของนักมวยหลายๆ คนจากสังเวียนนี้

#1 “น้องโอ๋” สามารถปรับตัวเพื่อรับมือกับทุกความท้าทาย

หลังจากผ่านสังเวียนมวยไทยมากว่า 300 ครั้งในตลอดระยะเวลา 20 ปี “น้องโอ๋ ไก่ย่างห้าดาว” ยังคงทุ่มเททุกอย่างเพื่อล้มผู้ท้าชิงวัยหนุ่มที่กระหายชัยชนะ

แชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นแบนตัมเวต ดูแข็งแกร่งและท็อปฟอร์มในการขึ้นป้องกันเข็มขัดเป็นครั้งที่สองกับ “The Truck” บริซ เดลวัล แต่ผู้ท้าชิงชาวแอลจีเรียวัย 20 ปี ทำแฟนๆ เซอร์ไพรส์ไม่น้อยหลังเสียงระฆังยกแรกเริ่มขึ้น

เดลวัล ไม่เกรงกลัวศักดิ์ศรีแชมป์โลก เขาใช้ประโยชน์จากความสูง คอยรักษาระยะห่างและสร้างความลำบากให้กับ น้องโอ๋ ด้วยลูกเตะที่ยากจะต่อกร

ยอดมวยวัย 32 ปี ปรับหมากและรับมือกับแผนการชกของ เดลวัล ได้ดี พร้อมเดินเข้าทำด้วยหมัดและสาดแข้งใส่ผู้ท้าชิงอย่างดุดัน และนั่นก็เพียงพอสำหรับตำนานตลอดกาลของ “ศาสตร์แห่งอาวุธทั้งแปด” ที่จะครองเข็มขัดเส้นนี้ไว้อีกครั้ง

#2 เหล่านักสู้เวียดนามเฉิดฉายในบ้านเกิด 

การขึ้นชกบนสังเวียนประเทศบ้านเกิด ถือเป็นความได้เปรียบที่แท้จริงสำหรับเหล่านักกีฬาศิลปะการต่อสู้ชาวเวียดนามทั้ง 4 คน โดยพวกเขาสามารถเก็บชัยชนะในศึก ONE: IMMORTAL TRIUMPH ได้ทุกคน

นักมวยแต่ละคนได้รับเสียงเชียร์จากแฟนๆ เจ้าถิ่นบนอัฒจันทร์อย่างล้นหลาม โดยถือเป็นแรงกระตุ้นชั้นดีที่ทำให้พวกเขาได้รับการชูมือเป็นผู้ชนะ

“The Beast From The East” ไมเคิล แฝม ออกประเดิมเป็นคู่แรกของการแข่งขัน ก่อนคว่ำ “Ant Man” มูฮัมมัด ฟากรี บิน ยูซอฟฟ์ คว้าชัยมาครอง

ด้านนักสู้สาว “Killer Bee” บิ เหงียน เอาชนะคู่แข่งชาวอินเดีย “The Cyclone” พูจา โทมาร์ ได้

“คริส เหงียน” ชนะคะแนน “ยูกิโนริ โอกาซาวาระ”

ไฮไลต์สำคัญอยู่ที่ “No.1” เหงียน ตรัน ดุย งัด ฮีโร่เจ้าถิ่นที่เรียกเสียงเชียร์ได้อย่างกึกก้อง หลังโชว์ฟอร์มโหดชนะน็อก “อัซวาน เจ วิล” ในยกสุดท้าย

#3 หมัดซ้ายเดียวของ “กุหลาบดำ” ตัดสินเกมได้

หมัดซ้ายทรงพลังของ “กุหลาบดำ ส.จ.เปี๊ยกอุทัย” ถือเป็นสัญลักษณ์ที่ทำให้เขาได้รับฉายา “ซ้ายอุกกาบาต” และมีชื่อเสียงในฐานะจอมน็อกเอาต์ของเมืองไทย แม้นัดเปิดตัวจะไม่สามารถน็อกคู่ต่อู้ได้ แต่อาวุธเด็ดของเขาสามารถเป็นตัวตัดสินเกมได้เช่นกัน

แชมป์สนามมวยเวทีลุมพินีสองรุ่น ถูก “The Panther” โบโบ แซกโก เดินหน้าบดและกดดันในยกสุดท้าย แต่ดูเหมือนว่ามันจะสายเกินไปสำหรับนักสู้ชาวฝรั่งเศสในการช่วงชิงชัยชนะจาก กุหลาบดำ

เกมการชกเดือดตั้งแต่ยกแรก แต่เป็นกุหลาบดำที่ชิงความได้เปรียบไปก่อน ด้วยการปล่อยฮุกซ้ายเต็มๆ ทำแซกโกออกอาการยวบจนกรรมการนับแปด

หลังจากจบยกสองที่ กุหลาบดำ เดินต่อยเตะได้อย่างดุดัน แซกโก พยายามน็อก กุหลาบดำ ให้ได้เพื่อพลิกสถานการณ์ แต่ยอดมวยชาวไทยยังแกร่งพอที่จะประคองตัวไว้ได้ ก่อนชนะคะแนนไปอย่างเอกฉันท์

#4 คางเหล็กของ “ซานติโน เวอร์บีค” 

ในค่ำคืนสุดหินของวันศุกร์ที่ผ่านมา หากไม่ใช่ “ซานติโน เวอร์บีค” แล้ว คงไม่มีใครสามารถเดินลงจากสังเวียนฝูเถาะ อินดอร์ สเตเดียม ด้วยชัยชนะ

นักชกคิกบ็อกซิ่งชาวดัตช์ทำแต้มนำคู่ต่อสู้ในรุ่นเวลเตอร์เวตอย่าง “ควน เซอร์วานเตส” ด้วยการไล่อัดคู่แข่งขันลงไปกองให้กรรมการนับแปดตั้งแต่ยกแรก แม้ว่านักมวยชาวอังกฤษจะสวนกลับ เวอร์บีค ได้ในยกที่สอง แต่ดูเหมือนว่า นักชกจากค่าย Sokudo Gym เป็นฝ่ายที่ได้รับชัยชนะไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม เพียงไม่กี่เสี้ยววินาที เวอร์บีค ถูก เซอร์วานเตส ไล่ต้อนและรัวอาวุธใส่ ทั้งเข่าลอยและหมัดอีกหลายชุด จนเกือบจะถูกน็อก

แต่แฟนๆ ถึงกับอึ้ง เมื่อนักสู้วัย 24 ปีจากเมืองฮอร์น แทบจะไม่มีปฏิกิริยาต่อการโจมตี เขายังแข็งแกร่งและยืนหยัดจนเสียงระฆังของยกสุดท้ายดังขึ้น ก่อนเป็นผู้ได้รับการชูมือในท้ายที่สุด

#5 ชาวเวียดนามรักศิลปะการต่อสู้ 

บรรยากาศตลอดสัปดาห์ของการประเดิมสังเวียน วัน แชมเปียนชิพ ที่นครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม นั้นวิเศษมากๆ

นักกีฬาและทีมงานจากทุกมุมทั่วโลกได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น และสนามฝูเถาะ อินดอร์ สเตเดียม คราคร่ำไปด้วยแฟนๆ ที่เข้ามาชมการแข่งขัน พวกเขาได้รับทั้งความสนุกเร้าใจและความมันที่เหล่ายอดนักสู้ทั้งหลายงัดออกมาโชว์บนเวที

และแน่นอนว่า “บ้านแห่งศิลปะการต่อสู้” จะกลับมาเยือนเวียดนามอีกครั้ง พร้อมนำความยิ่งใหญ่กลับมาฝากแฟนๆ ยิ่งกว่าเดิม