“ชนนภัทร” กลับสู่พิกัดเก่ง ยืนยันศึกนี้ชนะ-แพ้กันแบบขาดลอย
“ครูตอง” ชนนภัทร วิรัชชัย หนึ่งในนักสู้รุ่นบุกเบิกของ วัน แชมเปียนชิพ พร้อมแล้วสำหรับการเผชิญหน้า “The Rock” โฮโนริโอ บานาริโอ ในนัดสำคัญของทั้งคู่ที่จะเกิดขึ้นในศึก ONE: KING OF THE JUNGLE วันที่ 28 กุมภาพันธ์นี้ ที่ สิงคโปร์ อินดอร์ สเตเดียม
หลังจากลงแข่งในรุ่นไลต์เวตมาหลายครั้ง ครูตอง ก็ตัดสินใจลดพิกัดลงมาสู้ในรุ่นเฟเธอร์เวต เช่นเดียวกับคู่แข่งจากค่ายดังทีมลาไคย์ ขวัญใจชาวฟิลิปปินส์ โดยมีเป้าหมายเดียวกันที่จะเก็บชัยชนะและพาตัวเองไต่ขึ้นสู่แถวหน้าของรุ่นนี้
“เราทั้งคู่อยู่ใน ONE มานาน ตอนที่ผมเปิดตัว เขาก็แข่งในศึกเดียวกับผม ตอนนั้นผมเชื่อว่าเราทั้งคู่ต่างก็มองกันอยู่ว่าคงได้มีโอกาสเจอกันในอนาคต แต่ตอนนี้สถานะเราเหมือนเพื่อนกันมากกว่า ผมดีใจเวลาได้เจอเขา และเราต่างก็มีประสบการณ์ที่ใกล้เคียงกัน แต่ผมตื่นเต้นนะที่จะได้สู้กับเขาในไฟต์นี้”
“เขาเคยเป็นแชมป์ในรุ่นเฟเธอร์เวต และมีแฟนๆ พูดกับเขาว่าการกลับมารุ่นนี้ ทุกอย่างต้องไปได้สวยแน่ แต่อย่าลืมว่าผมก็กลับมาในรุ่นที่ผมเก่งที่สุดเหมือนกัน ดังนั้นมันต้องสนุกแน่”
การที่ทั้งคู่ย้ายลงมาสู้ในพิกัดเดียวกัน เพิ่มระดับความน่าสนใจให้กับการแข่งขันครั้งนี้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเมื่อ ชนนภัทร ยอมรับว่าการขยับขึ้นไปสู้ในรุ่นไลต์เวตก่อนหน้านี้ เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด เพราะเหมือนเป็นการฝืนสู้กับคนที่ใหญ่กว่า ดังนั้น การลดลงมาสู้ในรุ่นที่เหมาะสมกับเขา จะทำให้เขาคืนฟอร์มเจ๋ง และเจอคู่ต่อสู้ที่มีความสูสีกัน
- “โฮโนริโอ” ลั่นนัดดวลเดือด “ครูตอง” ชนนภัทร มันคือสงคราม
- “ครูตอง” ชนนภัทร นักสู้รุ่นบุกเบิกสมัยคนไทยแทบไม่รู้จัก MMA
- “ริกะ–ครูตอง” คู่รักนักสู้หนุ่มไทย–สาวลูกครึ่ง คู่บุกเบิกของวงการ MMA ไทย
“มันดีนะที่ผมได้ชนกับนักสู้ในรุ่นไลต์เวต พวกเขาแข็งแรงมาก แต่ผมไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ให้ใครเห็นว่าผมอยู่ในรุ่นนั้นได้ ผมอยากอยู่ในรุ่นที่ผมโชว์ฟอร์มได้ดีที่สุด”
“ผมคุยกับโค้ชและปรึกษากันอย่างหนักเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งเทรนเนอร์ส่วนตัวของผมบอกว่า เราสามารถลดสัดส่วนไขมันในร่างกายของผมลงมาได้ไม่ยาก”
“ผมมาคิดได้ตอนที่ผมอยู่ในห้องล็อกเกอร์กับ มาร์ค อาเบลาร์โด และผมรู้สึกว่า เขาก็ตัวเท่าๆ กับผมช่วงที่ไม่มีแข่ง แต่ผมสู้ในรุ่นไลต์เวตซึ่งใหญ่กว่าเขาสองพิกัด ผมช็อกมาก และเหมือนเป็นสัญญาณบอกตัวเองว่าผมควรกลับมาสู่รุ่นเฟเธอร์เวตน่าจะดีกว่า”
แม้ทั้งคู่จะมีจุดที่เหมือนกัน แต่ทั้ง โฮโนริโอ และ ชนนภัทร จะไม่ยอมอ่อนข้อหรือลดราวาศอกให้กันเด็ดขาด ถึงขั้นที่ ชนนภัทร คาดการณ์ว่าไฟต์นี้จะชนะกันแบบขาดลอย และแฟนๆ จะได้เห็นสองนักสู้ที่ถนัดเกมยืนแลกอาวุธกันอย่างดุเดือด
“เขามาจากทีมลาไคย์ ซึ่งทีมนี้มีสไตล์แบบวูซู กะระยะเก่ง แต่การชกยังไม่แม่นยำเท่าไหร่ ถ้าเทียบกับนักมวยไทยหรือมวยสากล”
“ท่าเตะด้านข้างของเขาทั้งหนักหน่วงและชวนให้หงุดหงิด แต่ถ้าเทียบกับสมาชิกคนอื่นๆ ในทีมลาไคย์แล้ว เขาออกหมัดได้ดีและป้องกันตัวรัดกุมกว่า อาจเป็นเพราะเขาเคยถูกน็อกมาแล้ว”
“ผมคิดว่าข้อแตกต่างระหว่างเราสองคนคือ การรักษาระยะ เขาจะสู้แบบหว่านแห หากคู่แข่งเข้ามาในระยะ เขาจะโจมตีอย่างกับปืนกล แต่ของผมจะเน้นความแม่นยำ รอจังหวะออกอาวุธเด็ดๆ เพื่อหวังน็อกเอาต์ เป็นการประชันกันระหว่างคุณภาพกับปริมาณ”
การกลับสู่ในรุ่นเฟเธอร์เวตครั้งนี้ ชนนภัทร เพียงต้องการโชว์ฟอร์มหลังผ่านการฝึกซ้อมอย่างหนัก เพื่อพิสูจน์ว่าเขายังไม่หมดไฟอย่างที่หลายคนคิด ความพ่ายแพ้ในไฟต์หลังๆ เป็นบทเรียนที่ทำให้เขารู้ว่ามีจุดอ่อนอะไร และปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น
“ผมฝึกหนักกว่าเดิม และโฟกัสมากกว่าครั้งไหนที่ผ่านมา ผมไม่อยากเสียเวลาและความทุ่มเทไปอย่างไร้ค่า ทั้งโค้ชและคู่ซ้อมทุกคนก็พยายามสนับสนุกผมทุกอย่าง ดังนั้นผมจึงอยากทำให้พวกเขาภูมิใจ”
“ผมจะไล่กดดันเขาเรื่อยๆ และหากมีโอกาสผมก็จะเผด็จศึกทันที แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ ใครจะรู้”
อ่านเพิ่มเติม:
