ขอลับวิชาเพิ่ม“ตะวันฉาย” รับฟอร์มคิกบ็อกซิ่งยังไม่นิ่ง ตั้งใจไปพัฒนาต่อ
“ตะวันฉาย พีเค.แสนชัยฯ” ปลื้มประเดิมชัยกติกาคิกบ็อกซิ่งครั้งแรกใน ONE ได้อย่างสวยงาม แต่ยอมรับว่าทางสายนี้ยังมีอะไรที่เขาต้องเรียนรู้อีกเยอะ
“ซ้ายดารา” ตะวันฉาย พีเค.แสนชัยฯ แชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นเฟเธอร์เวต (145-155 ป.) ได้โอกาสประเดิมกติกาคิกบ็อกซิ่งครั้งแรกบนสังเวียน ONE ซึ่งนักชกหน้าหล่อแดนสยามก็ไม่ทำให้แฟนมวยชาวไทยผิดหวัง หลังเป็นฝ่ายไล่หวดแข้งซ้ายอันเลื่องลือ คว้าชัยเหนือ “ดาวิต คิเรีย” จอมเก๋า จากจอร์เจีย จนแขนขวาได้รับบาดเจ็บจนชกต่อไม่ไหว ในศึก ONE Fight Night 13: ชิงกิซ vs มารัต เมื่อวันเสาร์ที่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา
สำหรับการชกครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี ที่จอมหวดหน้าหล่อรายนี้ได้โอกาสคัมแบ็กในกติกาคิกบ็อกซิ่ง นับตั้งแต่พ่ายให้กับ “เจีย เอ้าฉี” นักชกชาวจีน เมื่อวันที่ 11 ม.ค.63 โดยหลังจากนั้น “ตะวันฉาย” ก็ไม่ได้ขึ้นสู้ในกติกานี้อีกเลย เพราะด้วยความที่หมายมั่นปั้นมือจะเอาดีในรูปแบบมวยไทยอย่างเต็มตัวจนสามารถคว้าแชมป์โลกมาครองได้ในปัจจุบัน
มาวันนี้ “ตะวันฉาย” เปิดรับความท้าทายใหม่เพื่อลืมภาพความทรงจำที่โหดร้าย แต่ด้วยความที่เจ้าตัวรู้ดีว่ายังเป็นรอง “ดาวิต” ในเรื่องความเจนจัดในกีฬาคิกบ็อกซิ่ง สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือการใช้จุดเด่นที่มี นั่นคือการหวดแข้งซ้ายหนัก ๆ รวมถึงระเบิดแรงปะทะที่มาแบบเต็มเวตเข้าสู้ จนนำมาสู่ชัยชนะในไฟต์นี้
“ไฟต์นี้ผมกล้าปะทะเพราะผมตัวใหญ่ขึ้นมาแบบเต็มเวตแล้วครับ ก็เลยพยายามออกอาวุธหนัก ๆ เข้าสู้และมันก็ได้ผล วันนี้ผมตั้งใจมาเตะยัดเข้าที่แขนของ “ดาวิต” อย่างเดียวเลยครับ ในยกที่ 2 ผมเริ่มเห็นแขนเขาออกอาการล้าแล้ว ขึ้นยกที่ 3 ก็เลยเตะย้ำเข้าไปที่จุดเดิมจนเขาขอยอมแพ้ครับ”
ด้วยวัยที่ห่างกันมากถึง 11 ปี ทำให้หลายคนเข้าใจว่า “ดาวิต” อาจจะเป็นงานง่ายให้ “ตะวันฉาย” เชือดขนมกินเล่น แต่เมื่อถึงเวลาลับหมัดกันจริงบนสังเวียน จอมเก๋าวัย 35 ปี จากจอร์เจีย รายนี้ก็ได้แสดงอิทธิฤทธิ์ออกมาอย่างน่าทึ่งให้คนทั่วโลกได้รับรู้ ว่าเขาไม่ใช่มวยหมูที่จะมาให้นักชกหน้าหล่อจากแดนสยามทุบเล่นอย่างที่ใครหลายคนคิด รวมถึงตัวของ “ตะวันฉาย” ที่ก็ยอมรับเต็มปากว่า “ดาวิต” นั้นแกร่งและไม่ธรรมดา
“การมาเจอ ดาวิต ผมประมาทไม่ได้อยู่แล้วครับ ใครที่บอกว่าเขาเป็นมวยหมู ผมอยากจะบอกว่าคิดผิด เพราะเขาหมัดหนักมาก ผมเลยพยายามไม่ปะทะหมัดเพราะผมรู้ดีว่านี่คือจุดเด่นของเขาครับ อีกอย่างเขาทั้งทนและแข็งแกร่งมาก ไฟต์นี้เขาเตรียมตัวมาดีมากครับ ประมาทไม่ได้เลยครับ”
แม้ว่า “ตะวันฉาย” จะคว้าชัยในไฟต์นี้ได้อย่างสวยงาม แถมยังเป็นการประเดิมชัยชนะแบบไม่ครบยกในรูปแบบคิกบ็อกซิ่งครั้งแรก แต่เจ้าตัวก็ยังไม่ปลื้มฟอร์มการชกครั้งนี้ของตัวเองเท่าใดนัก โดยยอมรับว่ายังมีอีกหลายจุดที่ต้องเรียนรู้เพิ่มเติม และเสริมเทคนิคเข้าไปเพื่อให้การชกนั้นออกมาได้อย่างไหลลื่นกว่านี้
“ความมั่นใจในคิกบ็อกซิ่งตอนนี้ ถ้าคะแนนเต็มร้อย ผมให้ตัวเองแค่ 40-50 ครับ เพราะยังขาดอะไรที่ต้องเติมต้องเสริมอีกหลายอย่าง โดยเฉพาะสเต็ปการเข้าออกของผมที่รู้สึกว่ายังอืดอยู่ มันจะมีแค่ความหนักอย่างเดียวไม่ได้ครับ แต่ยังมีเวลาอีกมากที่จะให้ผมได้พัฒนาต่อไปได้ครับ”
สำหรับ “ตะวันฉาย” มีคิวที่จะหวนคืนเส้นทางสายมวยไทยอีกครั้งเพื่อทำหน้าที่ป้องกันบัลลังก์ครั้งที่สอง โดยจะเผชิญหน้ากับ “ซุปเปอร์บอน สิงห์มาวิน” อดีตแชมป์โลก คิกบ็อกซิ่ง ในพิกัดเดียวกัน ที่อาจหาญข้ามสายมาล่าเข็มขัดเส้นที่ 2 ในศึก ONE Fight Night 15: ตะวันฉาย vs ซุปเปอร์บอน โดยจะถ่ายทอดสดจากสนามมวยเวทีลุมพินี (รามอินทรา) ในช่วงเวลาไพรม์ไทม์อเมริกา ซึ่งตรงกับเวลา 07.00 น. ของวันเสาร์ที่ 7 ต.ค.66
แฟน ๆ สามารถจองบัตรเข้าชมในสนามผ่านทาง THAI TICKET MAJOR และติดตามข่าวสารและความคืบหน้าของศึกนี้ได้ที่นี่และโซเชียลมีเดียของ ONE ทุกช่องทาง ได้แก่ เฟซบุ๊ก ONE Championship Thailand เว็บไซต์ www.onefc.com และอินสตาแกรม ONEChampTh
