“เซราะกราว” รอหวดแข้งจังหวะสอง แก้เกมมวยบู๊จอมตื๊อ “แฝดน้องอโยธยา”
“เซราะกราว เพชรยินดีอะคาเดมี” นักชกบุรีรัมย์ วัย 27 ปี เจ้าของแชมป์สนามมวยเวทีลุมพินี และ WBC มวยไทย พร้อมห้ำหั่นคู่แข่งขันดีกรีแชมป์มวยไทย 4 เส้น “แฝดน้องอโยธยา” พงษ์ศิริ พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม” วัย 29 ปี ในกติกามวยไทย รุ่นเฟเธอร์เวต (65.9-70.3 กก.) ในศึก ONE: NO SURRENDER II วันที่ 14 สิงหาคมนี้ โดยหวังจะสร้างชื่อเป็นหนึ่งในทหารเสือแถวหน้าของค่ายเพชรยินดีฯ ที่โด่งดังระดับโลกอย่างเช่นเพื่อนร่วมค่าย เพชรมรกต และ เพชรดำ
เซราะกราว ก็ไม่ต่างจากนักมวยไทยคนอื่นๆ ที่ต้องเผชิญกับปัญหาร้างเวทีไปพักใหญ่ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่ไฟต์หลังสุดของเขาในเดือนพฤศจิกายน 2562
เมื่อรู้ตัวว่าจะได้กลับมาแข่งขันอีกครั้ง แถมเป็นรายการใหญ่อย่าง วัน แชมเปียนชิพ เขาไม่รอช้า รีบเดินทางจากบ้านเกิด จ.บุรีรัมย์ เพื่อกลับมาเก็บตัวฝึกซ้อมที่ค่ายเพชรยินดีอะคาเดมีในทันที โดยมีเวลาเตรียมตัวไฟต์นี้ร่วมเดือนกว่าทีเดียว
เซราะกราว ค่อนข้างจะได้เปรียบ พงษ์ศิริ ในเรื่องรูปร่างที่สูงกว่าถึง 11 ซม. แถมยังช่ำชองเวที วัน แชมเปียนชิพ มากกว่า เพราะเคยผ่านมาแล้ว 3 ไฟต์ ทั้งในกติกามวยไทยและคิกบ็อกซิ่ง
โดยไฟต์แรกเขาเอาชนะคะแนนมวยดังชาวฝรั่งเศส-แอลจีเรีย “เซมี ซานา” ไปได้ในกติกาคิกบ็อกซิ่ง แคตช์เวต 72 กก. เมื่อเดือนมิถุนายน 2561
ทำให้ถูกส่งไปเจอกับคิกบ็อกเซอร์ตัวท็อปของโลกอย่าง “จอร์จิโอ เปโตรเซียน” ในอีก 4 เดือนต่อมา และแน่นอนว่าในกติกาคิกบ็อกซิ่งแล้ว ยังหาใครต้านทานนักชกแดนมักกะโรนีรายนี้ได้ เซราะกราว จึงพ่ายคะแนนไปอย่างบอบช้ำ
ไฟต์ล่าสุดใน วัน แชมเปียนชิพ เขาได้กลับมาชกในกติกามวยไทยที่ถนัด เจอกับนักมวยก้านยาวชาวสก็อต “จอร์จ แมนน์” เมื่อกรกฎาคม 2562 และชนะคะแนนไปอย่างไม่เอกฉันท์ ซึ่งในระหว่างที่ชกให้กับ วัน แชมเปียนชิพ เขาก็มีการชกเคลื่อนไหวในสังเวียนมวยไทยบ้านเราด้วย
การเปิดศึกกับ พงษ์ศิริ เป็นไฟต์ที่ 4 ในกติกามวยไทย 3 ยก ถือเป็นการพบกันครั้งแรกของทั้งคู่ เซราะกราว คงได้รับคำปรึกษาจากเพื่อนร่วมค่ายอย่าง เพชรมรกต มาไม่น้อย เพราะเขาเคยฉะกับ พงษ์ศิริ มาแล้วในศึกชิงแชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นเฟเธอร์เวต เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมานี้เอง
“ผมเคยดู พงษ์ศิริ ชกมาหลายไฟต์ รวมถึงไฟต์ที่เขาชกกับ เพชรมรกต ใน วัน แชมเปียนชิพ ด้วย”
“เขาเป็นมวยดื้อ (หัวเราะ) ชอบชวนทะเลาะ ชอบเดินชน เดินตื๊อ แต่ไม่ค่อยมีอาวุธนำ ผมต้องแก้เกมด้วยการดักจังหวะสอง ดักศอก ดักเข่า ไม่ก็รอสวนกลับด้วยแข้งซ้าย ซึ่งเป็นอาวุธเด็ดของผม”
“เกมการชกไฟต์นี้ ผมคงเน้นการตั้งรับเป็นหลัก แล้วก็พยายามหลอกออกอาวุธ การสู้กับมวยบู๊อย่าง พงษ์ศิริ ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ผมค่อนข้างมั่นใจว่าจะสามารถเก็บชัยชนะกลับค่ายได้ครับ”
อ่านเพิ่มเติม: