กลับสู่อ้อมอก “พระจันทร์ฉาย” ลบทุกคำสบประมาท กระชากเข็มขัดคืนสมศักดิ์ศรี
“พระจันทร์ฉาย” สุดสะใจถอนแค้นน็อก “โจเซฟ” ทวงคืนแชมป์โลกมวยไทยให้บ้านเกิดสำเร็จวางเป้าล่าบัลลังก์กติกาคิกบ็อกซิ่งต่อไป
“ฉายเป็นชุด” พระจันทร์ฉาย พีเค.แสนชัย แชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นสตรอว์เวต (115 – 125 ป.) เฉพาะกาล วัย 29 ปี ปลดล็อกความอัดอั้นในใจได้สำเร็จ หลังจัดการถอนแค้นเหนือ “โจเซฟ ลาซิรี” แชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นสตรอว์เวต วัย 32 ปี จากอิตาลี รวบบัลลังก์กลับคืนมาเป็นของตัวเองได้แบบสะใจ ในการแข่งขันศึกใหญ่ส่งท้ายปี ONE ลุมพินี 46 เมื่อค่ำคืนวันศุกร์ที่ 22 ธ.ค.ที่ผ่านมา ที่สนามมวยเวทีลุมพินี (รามอินทรา)
ย้อนไปภาคแรกในศึก ONE 157 เมื่อเดือน พ.ค.65 “พระจันทร์ฉาย” มีคิวป้องกันตำแหน่งครั้งแรก แต่ปรากฎว่ากลับโดนจอมชั้นเชิงจากอิตาลีเล่นงานอย่างหนัก จนแชมป์โลกชาวไทยไม่ขอออกจากมุมก่อนจะเริ่มยกที่สี่ ทำให้เข็มขัดแชมป์โลกเปลี่ยนมือไปอยู่กับ “โจเซฟ” กลายเป็นบทเรียนและสร้างรอยแค้นที่ฝังลึกในใจให้กับ “พระจันทร์ฉาย” มานานแรมปี โดยเจา้ตัวเฝ้านับวันรอเวลาเอาคืนให้หายคับข้องใจ
โดยตลอด 1 ปี กว่านับจากวันที่เสียเข็มขัดไป “เจ้านนท์” พยายามแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดและพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นอยู่ตลอดเวลา สุดท้ายมาถอนแค้นได้สำเร็จในศึกใหญ่ส่งท้ายปี 2566 จากจังหวะฟันศอกซ้ายเข้าปลายคาง “โจเซฟ” ร่วงหน้าคว่ำ ปิดเกมไวเพียง 1:28 นาทีของยกแรก กระชากเข็มขัดแชมป์โลกกลับมาครอง รวมถึงคว้าโบนัส 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ (กว่า 1.7 ล้านบาท) ไปได้อีกด้วย
วินาทีที่ผู้ชี้ขาดบนเวทียุติการชกยืนยันว่า “พระจันทร์ฉาย” กำชัยเหนือ “โจเซฟ” ได้อย่างเป็นทางการ กลายเป็นช่วงเวลาสุดสำคัญที่เขาจดจำได้ติดตา และเป็นการปลดเปลื้องเรื่องขัดข้องใจทุกอย่างในเวลาเดียวกัน
“ตอนที่ผู้ชี้ขาดบนเวทียุติการชก ผมรู้สึกดีใจมาก เพราะเป็นวันที่รอคอยมาตลอด ไม่ใช่ของผมแค่คนเดียว ใครอีกหลาย ๆ คนด้วยก็รอวันนี้ที่อยากเห็นกับกับ โจเซฟ มาสู้กัน แล้วด้วยลีลายั่วยุของทางคู่ต่อสู้ ทุกคนน่าจะทราบอยู่แล้ว ก็มีเกิดการกระทบกระทั่งทางโลกออนไลน์กันบ้าง แต่ถึงตอนนี้อะไรที่เกิดขึ้นจากตรงนั้นผมก็ขอให้จบลงทั้งหมดครับ”
นอกจากเป็นความสำเร็จส่วนตัวที่น่าภาคภูมิใจแล้ว “พระจันทร์ฉาย” ย้ำว่าเข็มขัดแชมป์โลกเส้นนี้คือของคนไทยทุกคน ถือเป็นของขวัญชิ้นสำคัญส่งท้ายปีให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมมีความสุขกันถ้วนหน้า
“เข็มขัดเส้นนี้มีความหมายกับผมมากในหลาย ๆ ด้าน หนึ่งคือเข็มขัดเส้นนี้ไม่ใช่ของผมคนเดียว เป็นของคนไทยทั่วโลก เพราะในไฟต์นี้ผมคิดเสมอว่า ผมคือตัวแทนของคนไทยทุกคน อีกอย่างคือ ผมขอยกเป็นของขวัญวันเกิดย้อนหลังให้ลูกพี่เสี่ยแขก และสุดท้าย นี่เป็นของขวัญช่วงปีใหม่ให้กับตัวเองและครอบครัวด้วยครับ”
“ผมย้ำอีกครั้งว่าเข็มขัดเส้นนี้ไม่ได้เป็นของผมแค่คนเดียว แต่มันเป็นของคนไทยทุกคน วันนี้ผมสามารถนำเข็มขัดกลับมาสู่บ้านเกิดได้สำเร็จ แค่นี้ผมก็รู้สึกดีใจมากแล้ว เพราะทุกครั้งเวลาผมขึ้นไปโชว์ฝีมือบนเวทีระดับโลก อกข้างซ้ายของผมคือธงชาติไทยครับ”
เป้าหมายต่อไป “พระจันทร์ฉาย” พร้อมพุ่งชนความท้าทายในกติกาคิกบ็อกซิ่ง โดยมองไกลถึงขั้นอยากท้าชนกับ “โจนาธาน ดิ เบลลา” แชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นสตรอว์เวต ตัวแทนชาติอิตาลีและแคนาดา เพื่อวัดฝืมือว่าใครกันแน่ที่แข็งแกร่งกว่ากัน
“่เป้าหมายต่อไปต้องไปเจอกับคู่ต่อสู้คนไหนผมไม่เคยเกี่ยง จะให้ผมแข่งขันในกติกาคิกบ็อกซิ่ง หรือ กติกามวยไทยก็ได้ไม่มีปัญหา แต่ถ้าให้ดีที่สุดผมอยากมีรายการชึ้นชกบ่อย ๆ และต่อเนื่องต่อไปครับ”
“ถ้ามีโอกาสผมอยากลองปะทะฝีมือกับ โจนาธาน ดิ เบลลา เพราะผมมองว่าเขาเป็นนักชกที่อันตรายมากคนหนึ่ง ผมเฝ้าดูผลงานของเขามาตลอดตั้งแต่ไฟต์ที่เขาชิงแชมป์โลก เขาเป็นนักมวยที่มีความรวดเร็วและคล่องแคล่วมาก พอเห็นว่าเขาชกในรุ่นสตรอว์เวตเหมือนกัน ตั้งแต่นั้นมาผมก็จับตาดูเขาตลอด ตอนนี้ผมขอเวลาเก็บเกี่ยวประสบการณ์ไปก่อน แล้วถ้าวันไหนโอกาสมาถึงเราได้เจอกันแน่นอนครับ”
ติดตามข่าวสารและความคืบหน้าได้ที่นี่และโซเชียลมีเดียของ ONE ทุกช่องทาง ได้แก่ เฟซบุ๊ก ONE Championship Thailand และอินสตาแกรม ONEChampTh
