เปิดประวัติ 3 พี่น้องตระกูลเพชร เด็กต่างชาติหัวใจรักมวยไทย ก่อนผนึกกำลังล่าชัย ศึก ONE ลุมพินี 107

พาไปย้อนดูเส้นทางสู่การเป็นนักมวยไทยอาชีพ ของ 3 พี่น้องดาวรุ่งพุ่งแรงเชื้อสายฝรั่งเศส/แอลจีเรีย แห่งบ้านเพชรมวยไทย อย่าง “เพชรหนึ่ง”ไอแซค โมฮัมเหม็ด , “เพชรสอง” เคอีส โมฮัมเหม็ด และ “เพชรสาม” นาห์ยัน โมฮัมเหม็ด ก่อนที่ 3 พี่น้องจากตระกูล “โมฮัมเหม็ด” จะผนึกกำลังกันขึ้นสังเวียนเพื่อไล่ล่าชัยชนะมาครอง ในศึก ONE ลุมพินี 107 ที่จะระเบิดความมันไปยัง 195 ประเทศทั่วโลก ถ่ายทอดสดจากเวทีลุมพินี (รามอินทรา) ในวันศุกร์ที่ 9 พ.ค.นี้ เริ่มคู่แรก 19.30 น.

สามพี่น้องตระกูล “โมฮัมเหม็ด” เกิดและเติบโตขึ้นในเมืองเคริซ ประเทศฝรั่งเศส ท่ามกลางครอบครัวที่มีความหลงใหลในกีฬามวยไทย โดย “เพชรสาม” คือคนแรกที่เริ่มฝึกมวยไทยตั้งแต่อายุเพียง 8 ขวบ ภายใต้การฝึกสอนของคุณพ่อ “โซเฟียน โมฮัมเหม็ด” (Sofiane Mohammed) ที่เคยเป็นอดีตนักมวยไทยสมัครเล่น และเคยลงทุนบินมาเล่าเรียนศึกษาวิชามวยไทย ถึงประเทศไทยอยู่นานหลายปี ก่อนที่ “เพชรหนึ่ง” และ “เพชรสอง” จะเดินตามรอยน้องชาย เข้าสู่โลกของมวยไทย ในอีก 1 ปีถัดมา
ภายใต้การฝึกสอนอย่างเข้มข้นทุกวันหลังเลิกเรียนจากคุณพ่อผู้ทุ่มเท ส่งผลให้ทั้ง 3 คนเริ่มฉายแววโดดเด่น จนได้โอกาสลงแข่งขันในรายการสมัครเล่นระดับประเทศ อย่างไรก็ตาม “โซเฟียน” ที่อาบน้ำร้อนมาก่อน ก็รู้ดีว่าเส้นทางสู่การเป็นนักมวยไทยอาชีพของลูก ๆ จะไปได้ไม่ไกลนัก หากยังอยู่ในประเทศที่อาชีพนักมวยไทย ไม่สามารถหาเงินหล่อเลี้ยงชีวิตได้จริง เขาจึงเริ่มมองหาโอกาสใหม่ เพื่อให้ลูกชายทั้ง 3 คน ได้เดินตามความฝันอย่างเต็มที่

ด้วยความหลงใหลในกีฬามวยไทยอย่างลึกซึ้งของทุกคนในครอบครัว “โซเฟียน” ในฐานะผู้นำครอบครัว จึงตัดสินใจครั้งสำคัญที่จะเปลี่ยนชีวิตของพวกเขาไปตลอดกาล นั่นคือการขายทรัพย์สินทุกอย่างของตนเองในฝรั่งเศส รวมถึงเซ้งกิจการรับซ่อมและจำหน่ายรถยนต์ที่สร้างมากับมือ เพื่อนำเงินทั้งหมดมาเป็นทุนตั้งต้นในการย้ายมาอยู่ประเทศไทย ซึ่งจุดหมายเดียวของพวกเขาในการย้ายถิ่นฐานครั้งนี้ ก็คือการได้ใช้ชีวิตไปพร้อมกับการหารายได้จากกีฬามวยไทย ซึ่งเป็นสิ่งที่ครอบครัว “โมฮัมเหม็ด” รักมากที่สุด
แน่นอนว่าการเริ่มต้นชีวิตใหม่ในเมืองไทยไม่ใช่เรื่องง่าย โดย “เพชรสาม” ที่ปัจจุบันสามารถสื่อสารภาษาไทยได้คล่องแคล่ว (รวมไปถึง “เพชรหนึ่ง” และ “เพชรสอง”) ได้ย้อนเล่าถึงช่วงเวลานั้น ตั้งแต่วันที่เริ่มต้นฝึกซ้อมมวยไทยที่อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี จนกระทั่งถึงวันที่คุณพ่อของเขาตัดสินใจสร้างค่ายมวยเพชรมวยไทย ขึ้นมาเป็นของตัวเองที่อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
“ช่วงแรกที่มาซ้อมมวยไทย ลำบากมากครับ เพราะพวกเราพูดภาษาไทยไม่ได้เลย ต้องพยายามอย่างหนักในการเรียนรู้และปรับตัวอย่างหนัก โชคดีที่ครูมวยและเพื่อน ๆ ในค่ายให้ความช่วยเหลืออย่างดีมาก ทั้งช่วยสอนภาษาไทยให้ และยังช่วยตั้งชื่อเล่นให้พวกเราว่า ‘เพชร’ แล้วตามด้วยตัวเลขเรียงตามลำดับคนที่เกิดก่อน จนกลายมาเป็นชื่อที่พวกเราใช้ขึ้นชกมาจนถึงทุกวันนี้ครับ”
“หลังจากซ้อมอยู่ที่ชะอำได้ไม่ถึงปี คุณพ่อก็ตัดสินใจย้ายครอบครัวมาที่หัวหิน และลงทุนเปิดค่ายมวยของตัวเองชื่อว่า ‘ค่ายเพชรมวยไทย’ เพื่อให้พวกเราได้มีที่ฝึกซ้อมอย่างถาวร และยังเปิดรับสอนนักเรียนจากภายนอกเพื่อหารายได้เสริมด้วยครับ”
“ไม่นานหลังจากย้ายมาหัวหิน พวกเราทั้งสามคนก็เริ่มออกตระเวนชกมวยตามเวทีภูธร จำได้ว่าสนุกมาก เป็นประสบการณ์ที่ไม่เคยเจอมาก่อนตอนอยู่ฝรั่งเศส ถึงแม้ค่าตัวจะได้แค่หลักพันต้น ๆ พวกเราก็รับหมดทุกไฟต์ เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ จนค่อย ๆ สร้างชื่อเสียงขึ้นมา และได้รับโอกาสให้เข้ามาชกในเวทีเมืองกรุงครับ”
เส้นทางการชกมวยไทยอาชีพในเมืองกรุงของทั้ง 3 พี่น้องเรียกได้ว่าไม่ธรรมดา โดยต่างเคยฝากผลงานสร้างชื่อบนเวทีดังอย่าง เวทีมวยอ้อมน้อย, เวทีราชดำเนิน และ เวทีมวยช่อง 7 สี มาแล้ว ซึ่ง “เพชรหนึ่ง” เคยประสบความสำเร็จคว้าแชมป์เวทีราชดำเนิน รุ่น 108 ป. มาครองในปี 2566 รวมไปถึง “เพชรสาม” ที่เคยได้แชมป์รุ่น 108 ป. จากเวทีมวยอ้อมน้อย มาครองในปี 2567
โดย “เพชรสาม” คือนักชกคนแรกแห่งบ้าน “โมฮัมเหม็ด” ที่ได้โอกาสเข้ามาพิสูจน์ตัวเองในศึก ONE ลุมพินี 96 เมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา และสามารถแจ้งเกิดได้ทันที จากการระเบิดพลังกดน็อก “เพชรนพเดช นพเดชมวยไทย” ด้วยเวลาเพียง 50 วินาทีของยกแรก พร้อมคว้าโบนัส 3.5 แสนบาท ติดมือกลับบ้านไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายด้านวีซ่าให้กับทุกคนในครอบครัวทันที

กลับมาครั้งนี้ “เพชรสาม” จะต้องพบกับ “อดัม ส.เดชะพันธ์” คู่ชกดาวรุ่งลูกครึ่งไทย-มาเลย์ วัย 17 ปี ผู้เป็นน้องชายแท้ ๆ ของ “อาลีฟ ส.เดชะพันธ์” ที่สร้างชื่อขึ้นมาจากเวทีมวยช่อง 7 สี เหมือนกัน และจะมาชกที่รายการนี้เป็นครั้งแรก โดยทั้งคู่จะสู้กันในกติกามวยไทย 112 ป. ซึ่ง “เพชรสาม” มั่นใจว่าไฟต์นี้แฟนมวยจะต้องได้เห็นใครสักคนร่วงลงไปกองบนพื้นสังเวียนอย่างแน่นอน
“ผมเคยดู อดัม ต่อยที่เวทีช่อง 7 สี มาก่อน เขาเป็นมวยบู๊เหมือนกับผมเลยครับ แต่ผมมองว่าท้องเขายังบางอยู่ โดนอาวุธไม่ค่อยได้ อาการออกตลอด ซึ่งไฟต์นี้ผมก็เตรียมอาวุธมาเล่นงานท้องเขาโดยเฉพาะเลยครับ ก็ต้องรอดูว่าเขาจะทนได้ไหมถ้าโดนเข้าไป”
“อดัม เขาไม่เคยชกนวมเล็กมาก่อน จุดนี้น่าจะเป็นข้อได้เปรียบของผม ส่วนที่เหลือก็ต้องไปรอดูบนเวทีอีกที ว่าใครจะทำได้ดีกว่ากัน แต่ที่แน่ ๆ ไฟต์นี้ผมขอการันตีเดือดแน่นอนครับ โบนัสแตกแน่ ไม่เขาก็ผมที่ต้องได้ เพราะเราน่าจะอัดกันจนร่วงไปข้างแน่ ๆ ครับ”

ด้านพี่ชายคนโตวัย 19 ปี อย่าง “เพชรหนึ่ง” จะประเดิมโชว์ผลงานบนเวที ONE ลุมพินี พบกับ “อันโตนิโอ ปิอานา” กำปั้นไร้พ่ายป้ายแดง วัย 26 ปี จากอิตาลี ในกติกามวยไทย 117 ป. โดย “เพชรหนึ่ง” ที่เตรียมความพร้อมมาเป็นอย่างดี ก็พร้อมแล้วที่จะแจ้งเกิดด้วยการหยุดสถิติไร้พ่ายของ “อันโตนิโอ” ลงให้ได้
“ไฟต์นี้มันแน่ครับ มีโอกาสไม่ครบยกสูงมาก เพราะ อันโตนิโอ เขาเป็นมวยบู๊เหมือนกันกับผม น่าจะมาแลกกันสนุกเลยครับ ผมเองก็เตรียมอาวุธหมัด เท้า เข่า ศอก มาครบทุกลูก ตั้งใจจะมาปิดเกมเพื่อแจ้งเกิดให้ได้ครับ”
“ในวันศุกร์นี้ผมอยากจะโชว์เทคนิคและประสบการณ์มวยไทย ทั้งหมดที่ผมมีให้ทุกคนเห็น ฝากทุกคนเป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ”

ขณะที่ “เพชรสอง” พี่ชายคนรอง วัย 17 ปี ที่กำลังอยู่ในช่วงฟอร์มร้อนชนะมา 4 ไฟต์รวด จะเปิดตัวพบกับ “ฮิคารุ ฟูรุมูระ” นักชกเลือดซามูไร วัย 24 ปี ที่ได้โอกาสเข้ามาโชว์ฝีมือเป็นครั้งแรกเช่นกัน ในกติกามวยไทย 128 ป. ซึ่ง “เพชรสอง” ก็มั่นใจว่าตนจะสามารถสานต่อผลงานสุดแจ่มของตัวเอง ด้วยการปิดเกมอดีตแชมป์ KNOCK OUT คิกบ็อกซิ่ง ลงได้อย่างแน่นอน
“ผมรู้สึกตื่นเต้นมากที่จะได้มาชกใน ONE ลุมพินี ผมรอโอกาสนี้มานานแล้ว ผมเตรียมตัวซ้อมมาหนักมาก เพราะผมอยากจะปิดเกมเพื่อแจ้งเกิด และลุ้นคว้าโบนัสให้ได้ตั้งแต่ไฟต์เปิดตัวครับ”
“รูปเกมไฟต์นี้ผมเป็นฝ่ายเดินเข้าทำแน่นอนครับ เพราะ ฮิคารุ เขาเป็นมวยฝีมือ น่าจะมาถอยรอดักจังหวะ ซึ่งผมก็เตรียมอาวุธหนักมาสู้ทุกลูก พร้อมบู๊แหลกเหมือนที่ทุกคนเคยเห็นแน่นอน และเป้าหมายไฟต์นี้ผมอยากปิดเกมให้ได้ไม่เกินยกสองครับ”

ศึก ONE ลุมพินี 107 ถ่ายทอดสดจากสนามมวยเวทีลุมพินี (รามอินทรา) วันศุกร์ที่ 9 พ.ค.นี้ แฟนกีฬาการต่อสู้ชาวไทยสามารถจองบัตรเข้าชมในสนามผ่านทาง THAI TICKET MAJOR คู่แรกเริ่มเวลา 19.30 น. และรับชมทางช่องทางต่าง ๆ ดังนี้
- ช่อง 7HD กด 35 (ภาษาไทย) เริ่ม 20.30 น.
- เฟซบุ๊ก ONE Championship Thailand เริ่ม 19.30 น.
- ยูทูบ ONE Championship (บางประเทศ) เริ่ม 19.30 น.
- Watch.ONEFC.com (บางประเทศ) เริ่ม 19.30 น.