มวยบู๊ผู้น้อง “แฝดอโยธยา” ไม่กลัวของยาว งัดความเก๋าเข้าข่ม “เซราะกราว”
“พงษ์ศิริ พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม” มวยบู๊ผู้น้องแฝดอโยธยา ตีตราแชมป์มวยไทย 4 เส้น ดูเหมือนว่าโชคชะตาทำให้ต้องเปิดศึกสายเลือดอีกครั้ง นับตั้งแต่ไฟต์เปิดตัวก็เจอกับ “เพชรมรกต เพชรยินดีอะคาเดมี” ในนัดชิงแชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นเฟเธอร์เวต ส่วนไฟต์ถัดจากนี้ที่หวังจะได้เจอกับนักมวยต่างชาติ ก็มาเกิดโควิด-19 ทำให้ต้องเจอกับนักมวยไทยจากค่ายเพชรยินดีฯ อีกคนอย่าง “เซราะกราว เพชรยินดีอะคาเดมี” ในกติกามวยไทย รุ่นเฟเธอร์เวต (65.9-70.3 กก.) ในศึก ONE: NO SURRENDER II วันศุกร์นี้ 14 สิงหาคมนี้
การพ่ายแพ้ไฟต์แรกในฐานะนักมวยขัดตาทัพที่รู้ตัวล่วงหน้าเพียงไม่กี่วัน มาถึงศึกนี้เจ้าตัวจึงหวังพิสูจน์ตัวเองให้เต็มที่ สมกับการได้มีชื่อปรากฏอยู่ในศึกใหญ่ระดับโลก วัน แชมเปียนชิพ
ก่อนที่จะมีการประกาศงดจัดการแข่งขันกีฬามวยไทยในประเทศเพราะวิกฤติโควิด-19 พงษ์ศิริ โชว์ฟอร์มครั้งสุดท้ายที่สนามมวยเวทีอ้อมน้อย เมื่อวันที่ 6 มีนาคมที่ผ่านมา โดยเขาคว้าเข็มขัดแชมป์รุ่น 147 ปอนด์มาครอง จากการชกกับ พลเอก อ.ขวัญเมือง
หลังจากนั้นก็หยุดพักยาวๆ ร่วม 4 เดือน มวยหายรายได้หด จนต้องหันไปหาลำไพ่พิเศษขายล็อตเตอรี ซึ่งเป็นงานหลักของครอบครัว จุนเจือปากท้องไปพลางๆ
หลังทราบข่าวการกลับมาจัดแข่งขันของ วัน แชมเปียนชิพ และปรากฏชื่อของตัวเองในรายการ พงษ์ศิริ นึกว่าจะได้เจอกับนักมวยต่างชาติบ้าง เพราะอยากเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ท้าทายตัวเอง แต่เนื่องจากอยู่ในช่วงโควิด-19 ปิดประเทศ ตนก็เข้าใจที่ต้องมาเจอกับนักมวยไทยด้วยกันอีกเป็นไฟต์ที่สอง
“ผมดีใจมากครับที่ได้กลับมาชกใน วันฯ อีกครั้ง ใจจริงอยากเจอกับมวยต่างชาติมากกว่า เพราะเจอกับคนไทยด้วยกันเอง มันค่อนข้างรู้สไตล์กันอยู่แล้ว แต่ยังดีที่เจอกับ เซราะกราว เพราะผมกับเขายังไม่เคยเจอกันมาก่อน”
ในศึกนี้ พงษ์ศิริ ยังหนีไม่พ้นปัญหาเรื่องเสียเปรียบความสูงและช่วงชก โดยกับ เพชรมรกต ที่เคยเจอมาก่อนหน้านี้ และ เซราะกราว ที่เป็นคู่แข่งขันคนปัจจุบัน ทั้งคู่มีส่วนสูงเท่ากันคือ 180 เซนติเมตร ซึ่งสูงกว่าตัวเขาเองถึง 11 เซนติเมตร
พงษ์ศิริ เคยผ่านมวยมามากหน้าหลายตาร่วม 200 ไฟต์ มีทั้งได้เปรียบเสียเปรียบ เพราะชกมวยดูที่น้ำหนัก ไม่ใช่ความสูง ดังนั้นสิ่งที่จะทำให้เขามั่นใจว่าจะผ่านไฟต์นี้ไปได้ คือเรื่องของประสบการณ์ เทคนิคการชก รวมถึงการวางแผนแก้เกมคู่แข่งขัน
“เซราะกราว เป็นมวยที่ได้ใหญ่ แข้งยาว ความน่ากลัวอยู่ที่ลูกเตะ แต่เขาก็ยังมีจุดอ่อน ตรงที่ผ่านเวทีมาน้อย ทำให้ใจเขายังไม่นิ่ง แถมการออกอาวุธรวมๆ ยังไม่มีลูกหนักๆ ให้เห็นครับ”
พงษ์ศิริ มีเวลาเตรียมตัวสำหรับศึกนี้อย่างเต็มที่ โดยกลับเข้าค่าย พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม ตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายน คิดเป็นเวลาร่วมสองเดือนในการฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาฟิตเต็มร้อย
นอกจากนี้ยังได้โค้ช “สมหวัง มาทอง” คอยช่วยจับเป้า แนะการเสริมแรง เพิ่มความแข็งแกร่ง และแผนเดินเกมหลักด้วยการชิงจังหวะเตะตัดขา เพื่อเผชิญหน้ากับนักมวยที่รูปร่างสูงใหญ่กว่านั่นเอง
“ครั้งนี้ผมมีเวลาซ้อมเต็มที่ และเริ่มคุ้นเคยกับนวมเปิดนิ้ว 4 ออนซ์มากขึ้นจากการซ้อม และได้ต่อยมาแล้วครั้งหนึ่ง คิดว่าไม่ยากแล้วครับ ส่วนการชกก็ไม่มีอะไรต้องวิตกกังวล ชกให้สนุก ให้เต็มที่ ถึงไม่มีคนดูในสนาม แต่ก็ยังมีกองเชียร์ทางบ้านที่ให้กำลังใจผมอยู่ครับ”
อ่านเพิ่มเติม: