เปิดปูมชีวิต “จอช ทอนนา” กว่าจะเดินทางมาถึงฝันที่เป็นจริง

Yoshihisa Morimoto vs Josh Tonna DC 3164

เหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่วันจะถึงค่ำคืนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของ “Timebomb” จอช ทอนนา นักชกจากออสเตรเลียที่จะได้ขึ้นท้าทายอำนาจของแชมป์โลกสองประเภทกีฬาอย่าง “สามเอ ไก่ย่างห้าดาว” ในศึกชิงแชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นสตรอว์เวต ONE: REIGN OF DYNASTIES

นักชกออสซี วัย 32 ปี บินมาไกลด้วยความกระหาย เพราะชัยชนะครั้งนี้จะสามารถพลิกชีวิตของเขาจากหน้ามือเป็นหลังมือ ทั้งยังสร้างชื่อเสียงให้กับบ้านเกิด และเป็นแรงบันดาลใจให้คนในชาติของตัวเอง

แต่ก่อนที่เราจะได้เห็นฝีมือของเขาบนเวที เรามาทำความรู้จักนักชกคนนี้ให้มากขึ้น และเราจะได้เห็นว่าเส้นทางของเขานั้นห่างไกลจากสิ่งที่เขาเป็นในวันนี้จริงๆ

 

ฝันเป็นนักฟุตบอล

 

จอช ทอนนา เกิดและเติบโตในกรุงแคนเบอร์รา ประเทศออสเตรเลีย ท่ามกลางครอบครัวที่แตกสลาย พ่อแม่ของเขาหย่าร้างกันตั้งแต่เขาอายุเพียงขวบเดียว และต่างฝ่ายต่างก็แต่งงานใหม่เกือบจะทันที

การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้ไม่ได้ทำให้เด็กหนุ่มชาวออสซีที่อาศัยอยู่กับแม่เป็นส่วนใหญ่รู้สึกสะทกสะท้าน พ่อของ จอช ย้ายที่อยู่บ่อยครั้ง แต่พวกเขามีได้โอกาสเจอกันในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์โดยนัดหมายกันที่บ้านปู่ย่า

จอช ค่อนข้างสนิทกับพ่อแม่ หรือแม้แต่กับพ่อเลี้ยงและแม่เลี้ยง เขามีลูกพี่ลูกน้องที่อายุมากกว่า 5 ปีชื่อ “อดัม” ซึ่งเขาคนนี้เป็นนักฟุตบอลฝีมือดี และนั่นคือหนึ่งในการจุดประกายความฝันครั้งแรกให้ จอช

“ผมจำได้ว่าไปส่งเขาที่สนามบิน ตอนที่เขาเดินทางไป เซาท์แธมป์ตัน ประเทศอังกฤษ เพื่อทำการทดสอบครั้งสำคัญ ผมชอบทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดมาก ดังนั้นเมื่อเห็นเขาได้ไปอังกฤษ ผมก็เลยคิดว่า นี่แหละคือสิ่งที่ผมอยากจะเป็น”

 

มีวงดนตรีของตัวเอง

Before Josh Tonna was a fighter

 

เมื่อขึ้นชั้นมัธยมฯ ความฝันอยากเป็นนักฟุตบอลของ จอช ก็ถูกแทนที่ด้วยเป้าหมายใหม่ หลังจากได้ไปชมคอนเสิร์ตครั้งแรกในชีวิตเมื่ออายุ 15 ปี ทำให้เขาได้พบกับมือกีตาร์และนักร้องนำของวงดนตรีป็อบพังค์อเมริกันในดวงใจ Blink-182 ซึ่งมาจัดการแสดงในเมืองที่เขาอาศัย

หลังจบคอนเสิร์ต จอช ตัดสินใจฟอร์มวงดนตรีกับเพื่อนๆ โดยใช้ชื่อวงว่า “Saving Tomorrow” โดยผสมผสานท่วงทำนองเสนาะหูของ Blink-182 กับเสียงโหวกเหวกสไตล์โพสต์-ฮาร์ดคอร์ของวง Story Of The Year เข้าไว้ด้วยกัน

Saving Tomorrow ประสบความสำเร็จในระดับท้องถิ่น พวกเขาแสดงดนตรีในบาร์รอบๆ เมืองและร้องคัฟเวอร์เพลงฮิตของ Story Of The Year จอช รับตำแหน่งมือกีตาร์ของวง เขาสนุกกับเพื่อนๆ มาก และรู้สึกว่าสามารถไปที่ไหนก็ได้ด้วยดนตรี

แต่หนึ่งปีครึ่งให้หลัง จอช ถูกขับออกจากวงที่เขาช่วยปลุกปั้นมันขึ้นมาแบบดื้อๆ เขาจำใจต้องแขวนกีตาร์ด้วยความรู้สึกผิดหวังอย่างที่สุด

 

กลัวสุดขีด

 

เมื่ออายุ 17 ปี จอช ติดสอยห้อยตามเพื่อนไปงานปาร์ตี มีเด็กวัยรุ่นมารวมกันเกือบร้อยคน และบรรยากาศมันก็เถื่อนขึ้นเรื่อยๆ โดยมีการชกต่อยเกิดขึ้นแทบจะทุกๆ สิบนาที

จอช ตกเป็นเป้าหมายของอันธพาล จู่ๆ ก็มีคนเข้ามาหาเรื่อง ตัวเขาเองที่ไม่เคยชกต่อยกับใคร ถึงกับกลัวจนหัวหด

“หมอนั่นเข้ามาผลักผม และผมกลัวมาก มีเด็กผู้หญิงอยู่แถวนั้น ผมจึงไปหลบอยู่หลังเธอ ผมขอให้เธอช่วยห้ามจนหมอนั่นสงบลง และยอมขอโทษ แต่อีกประมาณ 15 นาที หมอนั่นก็เอาอีก เขาหาเรื่องผมและผลักผม จนผมต้องเผ่น ให้ตายสิ เกิดมาไม่เคยกลัวอะไรขนาดนี้มาก่อน”

วันรุ่งขึ้น จอช ไปหาพ่อซึ่งทำงานเป็นคนคุมที่ไนต์คลับ และเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง พ่อจึงแนะนำให้เขาไปฝึกวิชาป้องกันตัวกับเพื่อนของเขา “จอห์น เวอร์แรน” ซึ่งเป็นโค้ชฝึกสอนมวยไทยและคิกบ็อกซิ่ง

 

 

แม้ว่า จอช ดูจะสนใจ แต่เขาก็ไม่ได้ไปที่โรงยิม จนกระทั่งหกเดือนผ่านไป เขาได้เหยียบไปที่ยิมครั้งแรกก็เกิดติดใจกับศิลปะการต่อสู้ขึ้นมาทันที

หกเดือนหลังจากนั้น ในปลายปี 2006 จอช ได้ขึ้นเวทีเปิดตัว และรู้สึกว่าตัวเองค่อนข้างเสียเปรียบ เขาเตี้ยกว่าคู่ต่อสู้ถึงเกือบหนึ่งไม้บรรทัด แถมน้ำหนักตัวก็น้อยกว่าจนลงแข่งรุ่นนี้ไม่ได้ (แต่เขาแอบสวมเสื้อหนาๆ และใส่ของลงในกระเป๋าตอนชั่งน้ำหนัก)

“ผมจำได้ว่า ตอนเห็นเขาบนเวที เขาตัวสูงจริงๆ และพอมองไปที่หน้าแข้งก็คิดว่า ถ้าโดนเข้าคงต้องเจ็บแหงๆ แต่ระหว่างการต่อสู้ ในหัวผมโล่งไปหมด ผมวิ่งเข้าใส่และพยายามอัดเขาจนร่วงลงไปทุกยก สุดท้ายผมชนะคะแนน และ เบน เอ็ดเวิร์ด เพื่อนรักของผม (ซึ่งเป็นแชมป์โลกคิกบ็อกซิ่งในเวลาต่อมา) ได้ตั้งฉายาให้ผมว่า Timebomb”

 

หัวใจสลาย

 

ในปี 2009 จอช ยังคงฝึกฝนมวยไทย และลงแข่งในเวทีท้องถิ่น ด้วยความหวังที่จะได้รับคำเชิญให้เข้าร่วมรายการ K-1

แต่ในเดือนกุมภาพันธ์ปีนั้น ก็เกิดโศกนาฏกรรมขึ้น เขาก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ บอกให้เขารีบมาพบที่ไนต์คลับ ที่ซึ่งเขาได้พบกับโค้ชครั้งแรก เมื่อไปถึงพ่อแจ้งข่าวร้ายว่า จอห์น เวอร์แรน หัวใจวายและจากไปแล้ว

“ผมรู้สึกใจสลาย ผมไม่เคยร้องไห้เวลามีใครตาย แต่ผมหยุดร้องไม่ได้เลยเป็นวันๆ ผมเสียใจมาก ราวกับเสียพ่อคนที่สอง”

 

 

“เจมี แมคคัวอิก” เข้ามาเทกโอเวอร์โรงยิมต่อ ซึ่งในตอนนั้น จอช กำลังซ้อมเพื่อเตรียมชิงแชมป์ระดับประเทศ ส่วน เบน เอ็ดเวิร์ด เพื่อนของเขากำลังจะได้ชิงแชมป์โลกครั้งแรก ซึ่งทั้งคู่ได้รับชัยชนะ และต่างมอบความสำเร็จนี้ให้กับโค้ชที่จากไป

จอช อยู่กับ เจมี แมคคัวอิก ไม่กี่ปี จากนั้นก็ย้ายไปอยู่ที่ Stockade Training Center และขึ้นเวทีแข่งขัน สั่งสมกระดูกมวยอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งได้ครองแชมป์ ISKA ในปี 2015 ซึ่งช่วยปูทางให้เขาก้าวสู่รายการ K-1 ที่ใฝ่ฝัน

เขาเป็นหนึ่งใน K-1 เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ 2016 รุ่นเฟเธอร์เวต โดยได้เผชิญหน้ากับ “ไคโตะ โอซาวา” ในรอบแรก แต่ขึ้นเวทีได้เพียง 57 วินาทีก็ถูกปิดเกมด้วยเข่า ทางร่างกายเขาไม่ได้เจ็บมาก แต่ทางจิตใจเขาถึงกับเสียสูญ และล้มเลิกการแข่งขันไฟต์ต่อไปที่กรุงโตเกียว

 

สัญญาว่าจะไม่ล้มเลิก

 

หลังจากความปราชัยครั้งนั้น จอช ตกอยู่ในภาวะซึมเศร้า เขาไม่แน่ใจว่ายังต้องการเดินทางสายนี้ต่อไปหรือไม่ แต่ เคิร์สตี ภรรยาของเขาสนับสนุนให้ก้าวต่อไป และในไม่ช้าเขาก็ตระหนักว่าไม่มีอะไรสามารถเติมเต็มชีวิตให้เขาได้เหมือนอย่างมวยไทยและคิกบ็อกซิ่ง

“ผมสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ล้มเลิกอีกแล้ว และถ้าผมล้มลง ผมก็จะกลับขึ้นมาใหม่”

ด้วยความมุ่งมั่นที่จะกลับมาเอาดีทางกีฬาต่อสู้ จอช ตัดสินใจพิสูจน์ตัวเองในฐานะนักกีฬา วัน ซูเปอร์ ซีรีส์ รุ่นฟลายเวต เมื่อปี 2018

แต่ไฟต์แรกเขาก็ถูก “เพชรดำ เพชรยินดีอะคาเดมี” ปิดเกมเร็ว ก่อนที่จะตีไข่แตกได้ในไฟต์ต่อมา เมื่อขึ้นชกกับคู่แข่งชาวอิตาลี “The Hurricane” โจเซฟ ลาซิรี

 

ฮิโรกิ อากิโมโตะ vs จอช ทอนนา

 

ความรู้สึกเก่ากลับมาหลอกหลอนเขาอีกครั้ง เมื่อขึ้นสังเวียนไฟต์ต่อมากับดาวรุ่งชาวญี่ปุ่น “ฮิโรกิ อากิโมโตะ” เขาถูกเล่นงานเข้าที่ชายโครงตั้งแต่ช่วง 50 วินาทีแรก กรรมการเริ่มนับหนึ่งถึงสิบ ความทรงจำอันเลวร้ายจากการแข่งขัน K-1 เมื่อเกือบสองปีก่อนย้อนกลับมา

“ผมรู้สึกเหมือนว่า ไม่นะ ยังชกได้ไม่ถึงนาทีเลย ผมบอกตัวเองแล้วว่าทิ้งตัวไม่ได้”

จอช กัดฟันลุกขึ้นมาสู้ แต่สุดท้ายเขาก็พ่ายคะแนนในไฟต์นั้น อย่างน้อยเขาเดินลงจากเวทีด้วยความภูมิใจที่สามารถเอาชนะใจตัวเองได้

 

แอนดี ฮาวสัน vs จอช ทอนนา

 

การพิสูจน์ตัวเองครั้งนั้นกลายเป็นจุดเปลี่ยน จอช กลับไปเปลี่ยนแปลงตัวเองขนานใหญ่ โดยฝึกฝนกับคนที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจและกระตุ้นเขาได้

ไฟต์ต่อมาเขาเอาชนะ “Mad Dog” โยชิฮิซา โมริโมโตะ ในเดือนกรกฎาคม 2562 ก่อนที่จะย้ายลงมาชกในรุ่นสตรอว์เวต และล้มแชมป์โลกมวยไทย 5 สมัย “Punisher” แอนดี ฮาวสัน ในเดือนกุมภาพันธ์ 2563

 

Australian Muay Thai fighter Josh Tonna stands in the corner

 

ตลอดชีวิต จอช ทอนนา มักอยู่กับอะไรได้ไม่นาน เขาไม่เก่งพอที่จะเล่นฟุตบอลอาชีพ และถูกไล่ออกจากวงดนตรีของตัวเอง เขาจำต้องละทิ้งความฝันในวัยเด็ก แต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงเป็นส่วนสำคัญในการเดินทางของเขาตลอด 15 ปีคือศิลปะการต่อสู้

เขาได้รับบทเรียนแห่งความยากลำบาก ล้มลุกคลุกคลาน และลิ้มรสความหอมหวานของชัยชนะ ซึ่งในที่สุดมันก็เปลี่ยนชีวิตของเขาจนก้าวสู่การเป็นเบอร์หนึ่งของแรงกิง ONE มวยไทย รุ่นสตรอว์เวต และกำลังจะได้ขึ้นชิงบัลลังก์แชมป์โลกในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้กับเจ้าตำนานมวยไทยอย่าง “สามเอ ไก่ย่างห้าดาว” ในวันศุกร์ที่ 9 ตุลาคมนี้

ถ่ายทอดสดทาง

  • ONE Super App เวลา 19.30 น.
  • YouTube ONE Championship เวลา 19.30 น.
  • AIS PLAY เวลา 19.30 น.
  • ไทยรัฐทีวี ช่อง 32 เวลา 21.30 น.

 

อ่านเพิ่มเติม:

ดูเพิ่มเติมในหมวด บทความ

Youngest_Champions ONE 1920x1278
ZZZ_5900 scaled
OL 58 Jaosuayai vs Kongthoranee (30)
Jake Peacock web
OFN11   Regian Eersel vs Dmitry Menshikov44
ONE_TH adhoc 1920x1278 (1)
Kade and Tye Ruotolo
Untitled
Ryosuke Honda vs Sanzhar Zakirov OL 54(10)
Female Champs
Ricardo Bravo vs Kenan Bayramov OL50 (28)
Nong O Hama Jonathan Haggerty ONE Fight Night 9 4